กรดไขมันจำเป็นที่มีอยู่ในน้ำมันปลา มีชื่อว่า โอเมก้า-3 ซึ่งมี 2 ชนิด คือ EPA ซึ่งมีความสำคัญในการระงับอาการอักเสบ และให้ผลดีต่อหัวใจ และหลอดเลือด และ DHA ซึ่งให้ผลดีต่อสมอง
น้ำมันปลากับสมอง และระบบประสาท กรดไขมัน DHA ในน้ำมันปลา ช่วยทำให้การทำงานของผนังเซลล์ดีขึ้นซึ่งจะช่วยทำให้การสื่อสัญญาณประสาทระหว่างเซลล์มีประสิทธิภาพขึ้น และมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพของสมองในทุกวัย
น้ำมันปลา กับโรคหัวใจ น้ำมันปลาช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะมีอาการดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากน้ำมันปลาช่วยละลายลิ่มเลือด ลดภาวะเลือดหนืด และป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือด ช่วยให้การสื่อสารของระบบไฟฟ้าเคมีของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจทำงานอย่างเป็นปกติ และยังช่วยให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
น้ำมันปลา ช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ น้ำมันปลาเป็นสารอาหารที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งในการลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ในขนาดรับประทานประมาณ 3-4 กรัม ต่อวัน สามารถลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ได้ถึง 30 % ภายในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
น้ำมันปลาลดอาการข้ออักเสบ รวมทั้งผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์ น้ำมันปลาช่วยลดอาการเจ็บปวดอาการบวม และอาการข้อติดขัด แต่ต้องใช้ในขนาดรับประทานที่สูงมาก เช่น 3-5กรัม/วัน และควรรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน และอาการจะดีขึ้นมากในเดือนที่ 4 ถึง เดือนที่ 6
น้ำมันปลาบรรเทาอาการลำไส้อักเสบ มีงานวิจัยว่าน้ำมันปลาสามารถใช้บรรเทาอาการลำไส้อักเสบชนิดต่างๆ ตั้งแต่ โรคลำไส้แปรปรวน (Crohn’s Disease) โรคลำไส้เป็นแผล และอักเสบ
ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันปลา หากคุณต้องการใช้น้ำมันปลาขนาดสูงในการบำบัดอาการต่างๆ และคุณเป็นผู้ที่ใช้ยากลุ่มยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ถึงขนาดรับประทานที่สามารถรับประทานน้ำมันปลาต่อวันได้
ขนาดรับประทานของน้ำมันปลา ขนาดรับประทานทั่วไป คือ ประมาณวันละ 300-600 มิลลิกรัมต่อวัน
References
เอกสารเพื่อการอบรมภายในบริษัทเท่านั้น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
สารอาหารปรับสมดุลไขมันในเลือด